เว็บการ์ตูนหรอยกู

เว็บการ์ตูนหรอยกู (http://board.roigoo.com/index.php)
-   หรอยกูคาเฟ่ (http://board.roigoo.com/forumdisplay.php?f=11)
-   -   อ่านแล้วคุ้มแน่ บทความเปลี่ยชีวิตคนเปลี่ยนความคิด [for เด็กมหาลัย] (http://board.roigoo.com/showthread.php?t=5353)

ChangNoi and Light 11-01-2013 10:47

อ่านแล้วคุ้มแน่ บทความเปลี่ยชีวิตคนเปลี่ยนความคิด [for เด็กมหาลัย]
 
1 Attachment(s)
น้องๆหลายคนในเว็บหรอยกูของเราตอนนี้ก็อยู่มหาวิทยาลัยกันแล้วใช่ไหม รู้หรือไม่ว่าแนวคิดบางอย่างในประเทศไทยยังผิดอยู่บ้างเล็กๆน้อยๆ บทความนี้มันอาจจะเปลี่ยนชีวิตคนหรือเปลี่ยนความคิดของการหางานการทำงานไปได้ทั้งชีวิต พี่ก็เหมือนกับมนุษย์เงินเดือนทั่วไปละ ตอนแรกออกมาก็คิดแค่จะหางานทำ สมัยนั้นยังไม่มีอินเตอร์เน็ตก็ต้องเดินสมัครกันไปยื่นไปเรื่อยๆ แต่น้องๆเชื่อไหม ว่าบางครั้งการจบมหาวิทยาลัยมา ไม่ต้องเข้าทำงานในบริษัทคนอื่นเสมอไป เราอาจจะตั้งของเราเองก่อนก็ได้ การหาประสบการณ์ในองค์กรก็สำคัญ สรุปแล้ว อ่านบทความนี้ดูดีกว่าครับ ไม่ผิดหวังแน่นอนสำหรับน้องๆมหาลัย


http://board.roigoo.com/members/ohmo...4%E0%B8%99.jpg

http://board.roigoo.com/attachment.p...1&d=1357875991

โดย สุภศักดิ์ จุลละศร

ออกจากงานประจำ = นักโทษแหกคุก ?

ช่วงปลายปีเรามักได้ยินเพื่อนๆ บ่นอยากลาพักร้อนไปเที่ยวกับครอบครัว แต่หลายคนก็บ่นกระปอดกระแปดว่างานล้นมือจนไม่สามารถลาไปไหนกับใครเขาได้ ผมจึงคิดถึงเรื่องราวของ ?นักโทษแหกคุก? ขึ้นมา

คนทำงานประจำมีอยู่ 2 กลุ่ม กลุ่มแรกเป็นคนที่ทำงานด้วยความรักในงานอย่างแท้จริง และแทบไม่เคยบ่น ไม่เคยเจ็บปวด ไม่เคยน้อยใจในชีวิตการทำงาน แน่นอนว่าคนกลุ่มแรกนี้เป็นคนที่โชคดีมาก และเขาคงไม่มีคุกให้ต้องแหกแต่อย่างใด ที่จริงแล้วเขาอาจเต็มใจ ?จ่ายเงิน? เพื่อให้ได้ไปทำงานเสียด้วยซ้ำ

แต่สำหรับคนกลุ่มที่สอง คือ คนที่ทำงานด้วยความจำเป็นทางเศรษฐกิจเป็นหลัก อาจมีความรักในงานอยู่ด้วย แต่พวกเขาก็มีความเจ็บปวด น้อยใจ หรือไม่พอใจกับชีวิตอยู่เรื่อยๆ คนกลุ่มนี้มีคุกให้แหก แต่เขาจะแหกหรือไม่ อันนี้เป็นสิทธิส่วนตัวซึ่งคงไปก้าวก่ายไม่ได้

สิ่งที่ผมพอทำได้ คือ บอกพวกเขาว่า logic ของนักโทษแหกคุก สามารถนำมาใช้กับชีวิตได้อย่างไร และบางทีพวกเขาอาจจะเปลี่ยนชีวิตไปได้ตลอดกาล?

นักโทษในออฟฟิศ

ด้วยความเคารพในเกียรติภูมิของมนุษย์เงินเดือนที่มีอยู่เป็นล้านๆ คนในประเทศไทย ผมไม่มีเจตนาจะกล่าวหาว่าการทำงานประจำเป็นสิ่งเลวร้ายหรือปราศจากอิสรภาพ เพราะผมเองก็อาศัยเงินเดือนเลี้ยงชีพและตั้งตัวมาได้จนถึงทุกวันนี้ พูดแบบกลางๆ ก็คือ ผมเห็นทั้งข้อดีและข้อเสียของงานประจำมาพอสมควร

งานประจำ หรือ งานที่รับเงินเดือน นั้นใช่ว่าจะไม่ดี อย่างน้อยเราก็มีรายได้ที่แน่นอน มีสวัสดิการพอสมควร บางครั้งก็เป็นหน้าเป็นตาด้วย โดยเฉพาะถ้าเราทำงานกับบริษัทใหญ่ๆ หรือบริษัทที่มีชื่อเสียง แต่ปัญหาก็คือ ชีวิตของเราจำเป็นต้องขึ้นกับ ?คนอื่น? หรือ ?ปัจจัยอื่นๆ? อยู่มากเกินไป และบางครั้ง เหตุ ที่ดีก็ไม่ได้นำไปสู่ ผล ที่ดีเสมอไป


ตัวอย่างเช่น คุณอาจมีตรรกะว่า ทำงานเก่งแล้วจะได้เลื่อนขั้น แต่ในโลกของความเป็นจริง ยังมีคนอื่นและปัจจัยอื่นอีกมาก เช่น

งานที่คุณเก่งนั้นมีความสำคัญกับแผนกหรือองค์กรแค่ไหน?
หัวหน้าเห็นคุณค่าของสิ่งที่คุณทำหรือไม่? หรือต่อให้เห็น เขาอยากให้คุณเติบโตหรือไม่?
การเลื่อนขั้นมีโควต้าหรือเปล่า? บางทีอาจจะมีคนอื่นที่มีผลงานโดดเด่นกว่าคุณ
การเลื่อนขั้นของคุณอาจสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่นหรือเปล่า?

การที่เราไม่สามารถกำหนดชะตาชีวิตของตัวเองได้ บวกกับระเบียบปฏิบัติต่างๆ ขององค์กรที่เราอยู่ เป็นต้นว่าการเข้างาน 8.30 น. เลิกงาน 17.00 น. (ซึ่งก็ไม่เคยได้เลิกงานตามเวลานั้น) การลาหยุดต้องได้รับอนุญาต บางครั้งต้องทำงานวันเสาร์หรือวันอาทิตย์ หรือทำงานล่วงเวลาโดยไม่ได้รับค่าตอบแทน งานไม่เสร็จก็ยังกลับบ้านไม่ได้ หรือต้องหอบงานกลับมาทำที่บ้าน ฯลฯ

เมื่อคุยเรื่องนี้กับเพื่อนที่ทำงานประจำ เขาก็หัวเราะ แล้วว่า ?แล้วจะให้ทำยังไง??? ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ ผมจะบอกเขาว่า ?แกก็เลิกเป็นนักโทษในออฟฟิศสิ แหกคุกซะ!?

แหกคุก ? ทำยังไง?

คนส่วนมากไม่น่าจะมีความรู้เกี่ยวกับการแหกคุก(จริงๆ) แต่อย่างน้อยก็คงจะเคยเห็นจากในภาพยนตร์กันมาบ้าง เพียงแต่จะมีสักกี่คนที่จะเห็นตรรกะบางอย่างที่เอามาใช้สร้างอิสรภาพให้กับชีวิตมนุษย์เงินเดือนได้

ถามแบบง่ายๆ ถ้านักโทษจะแหกคุก เขาต้องทำอะไรเป็นอันดับแรก?

คำตอบง่ายมากครับ? ก็ต้อง ?วางแผน? ไง!

อย่างน้อยเราจะต้องมีแผนผังของคุกที่จะแหกออกมา การวางแผนทำให้เรารู้ว่าจะต้องเตรียมอุปกรณ์อะไรบ้าง ต้องหาเพื่อนร่วมอุดมการณ์มาคอยช่วยเหลือหรือไม่ จะใช้เวลานานแค่ไหน จะลงมือได้เมื่อไร เป็นต้น หากปราศจากการเตรียมการที่ดี แผนแหกคุกก็ยากที่จะสำเร็จได้ และทุกคนก็น่าจะรู้ดีว่าการแหกคุกที่ไม่สำเร็จนั้นจะส่งผลอย่างไร

การวางแผนที่ดีทำให้เราสามารถกำหนดรูปแบบการแหกคุกออกมาได้ว่าควรใช้วิธีใดหรือเส้นทางไหน รู้ว่าต้องมี ?อะไร? และจะใช้มัน ?เมื่อไหร่? จากนั้นจึงค่อยคิดว่าจะหาสิ่งเหล่านั้นได้ ?อย่างไร? รวมทั้งเมื่อทำได้สำเร็จแล้วจะใช้ชีวิตต่อไปอย่างไร

สิ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน คือ ต้องไม่ให้คนอื่นรู้เรื่องนี้ก่อนเวลาอันควร โดยเฉพาะผู้คุมของคุณ

?ไอ้คนมีฝัน?

ในทำนองเดียวกัน หากคุณคิดจะแหกคุกออกไปจากออฟฟิศ คุณก็ย่อมจะไม่อยากให้หัวหน้างานของคุณรู้เรื่องพวกนี้ก่อนเวลาอันควร ถ้าวันหนึ่งที่คุณพร้อมหมดทุกอย่างแล้ว และเดินไปบอกเขาว่า ?พี่ครับ ผมจะลาออกไปทำตามฝันของผม ตอนนี้ผมพร้อมทุกอย่างแล้วทั้งเงินทุน สถานที่ บุคลากร และได้วางแผนไว้อย่างรอบคอบแล้ว ผมดีใจที่ได้ร่วมงานกับทุกๆ คนครับ?

เทียบกับการที่คุณ ?โดนจับได้? ก่อนที่จะพร้อม สิ่งที่จะเกิดขึ้นคือ คุณจะไม่อยู่ในรายชื่อต้นๆ ที่จะได้รับการโปรโมทในครั้งต่อไป เพราะหัวหน้าย่อมไม่อยากเข็นคุณขึ้นทั้งที่รู้ว่าคุณอยากลาออกไปโลดโผนด้วยตัวเอง และการเลื่อนขั้นให้กับคนที่ ?พร้อมใจ? จะทำงานเป็นมือซ้ายมือขวาให้กับเขาในระยะยาวย่อมเป็นทางเลือกที่ดีกว่า

นี่ยังไม่นับนะครับว่าคุณจะถูกจัดจำแนกไปอยู่ในพวก ?ไอ้คนมีฝัน? ซึ่งแตกต่างจากมนุษย์ออฟฟิศที่ช้อปกระจายตอนพักเที่ยง เดินถือกาแฟสดหรือชาไข่มุกกลับเข้าออฟฟิศ พอบ่ายก็สุมหัวกันเม้าท์ ใกล้สิ้นเดือนก็จดจ่อรอเงินเดือนออก จ่ายหนี้บัตรเครดิต ได้โบนัสมาก็เอาไปช้อปไปเที่ยวจนหมด ฯลฯ

บางทีพฤติกรรมของคุณอาจแตกต่างจากชาวบ้านอยู่บ้าง แต่จะยังไม่ ?แปลกแยก? จนกว่าจะมีคนระแคะระคายว่าคุณกำลังวางแผนคิดการใหญ่ ผมจึงต้องย้ำว่า อย่าให้ใครรู้แผนของคุณก่อนเวลาอันควร

ตัวอย่างของแผน

ดังที่บอกแล้วข้างต้นว่าเราจำเป็นต้องวางแผนเพื่อให้รู้ว่าเราต้องมี ?อะไร? และมี ?เมื่อไหร่? ผมจึงขอสมมติตัวอย่างดังนี้นะครับ

นายอิสระ เป็นพนักงานประจำที่มีความมุ่งมั่นที่จะไปสู่อิสรภาพทางการเงิน เขาวางแผน 2 ขั้น โดยขั้นแรกเป็นการเก็บหอมรอมริบเพื่อออกมาเปิดร้านเบเกอรี่ ซึ่งเป็นสิ่งที่เขารักและมีความถนัด ในการนี้เขาจะต้องใช้เงินลงทุน 2 ล้านบาท


จากนั้นจะเข้าสู่แผนขั้นที่สอง คือ การเอากำไรจากร้านเบเกอรี่ไปลงทุนในตลาดหุ้นเพื่อสร้างพอร์ตหุ้นที่เลี้ยงชีวิตได้ในระยะยาว เขาคำนวณคร่าวๆ พบว่า หากใช้จ่าย 25,000 บาทต่อเดือน และลงทุนได้ผลตอบแทนปีละ 10% เมื่อบวกกับเงินค่าใช้จ่ายฉุกเฉินที่เขาจะกันไว้ เบ็ดเสร็จแล้วเขาจะต้องมีเงินตั้งต้นในขั้นตอนนี้ราว 4 ล้านบาท

นี่คือเบื้องต้น สิ่งที่เขาต้องมี และลำดับก่อนหลัง ต่อจากนี้เขาก็คิดว่าจะทำอย่างไรจึงจะสำเร็จ

อิสระมองว่าความสำเร็จของเขาขึ้นอยู่กับความสำเร็จของการเปิดร้านเบเกอรี่ เขาจึงไปเรียนรู้เกี่ยวกับการทำร้านเบเกอรี่เพิ่มเติม สะสมเงินและลงทุนไปพร้อมๆ กัน เขางดเว้นจากการจับจ่ายใช้สอยหรือเที่ยวเตร่เกินจำเป็น ในที่สุดเมื่อทำงานประจำจนครบ 5 ปี อิสระก็มีเงินทุน 2 ล้านบาทและ ?แหกคุก? ออกจากงานประจำ พร้อมมุ่งหน้าสู่อิสรภาพทางการเงินต่อไป

กุญแจของความสำเร็จ

จากตัวอย่างข้างต้น อิสระไม่ได้คิดแค่ว่า ?อยากมีเงินเยอะๆ? หรือ ?อยากมีเงินเดือนเยอะๆ? เพราะนั่นไม่ได้ตอบโจทย์ในระยะยาวของชีวิตเขา

อิสระอ่านความต้องการในชีวิตของตัวเองออกว่า เขาอยากมีร้านเบเกอรี่เป็นของตัวเอง และอยากมีอิสรภาพทางการเงิน? การมีเงินทุนก็เป็นเรื่องหนึ่ง แต่ที่สำคัญ คือ เขาคำนวณออกมาด้วย ว่าที่ต้องมีนั้นมากน้อยแค่ไหน และต้องมั่นใจด้วยว่ามันเป็นจำนวนที่เพียงพอ

นอกจากเรื่องของเงินทุน เขายังเห็นว่า ความรู้เกี่ยวกับเบเกอรี่และธุรกิจเบเกอรี่ ก็เป็นสิ่งสำคัญ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เขาลงมือศึกษาไปพร้อมๆ กับการสะสมเงินทุน

ระหว่างที่ทุกอย่างดำเนินไปด้วยดี อิสระไม่ได้ละเลยหน้าที่ในงานประจำแต่อย่างใด เขายังคงมีความก้าวหน้าดีและได้รับเงินเดือนเพิ่มอยู่เรื่อยๆ เพียงแต่ว่านั่นไม่ใช่เป้าหมายในระยะยาวของเขา เขาอาจมีความสุขพอสมควรในงานประจำ แต่เขาก็มั่นใจว่าจะมีความสุขมากกว่ากันมากในร้านเบเกอรี่ของตัวเอง

จากตัวอย่างนี้น่าจะทำให้เห็นว่าการวางแผนจะช่วยเราได้อย่างไร ทั้งในแง่ของลำดับความคิด พลังใจ และการลงมือปฏิบัติ

แต่ข้อที่ว่าจะแหกคุกได้สำเร็จหรือไม่นั้น มีแต่คุณที่จะตอบได้ครับ

Refer clubvi.com/2013/01/10/breakprison/


ทั้งหมดคือ ปัญหาที่น้องต้องเจอหากเป็นพนักงาน เรียนรู้เอาไว้ไม่เสียหายครับน้องๆ ว่างๆเรามาแหกคุกด้วยกัน

M150 11-01-2013 11:09

ยาวๆ แบบนี้ อ่านแล้วเพลีย มากกว่านะครับ คุณช้างเอ๋ย

bankbcool 11-01-2013 11:47

ยาวจิง แต่บทความเค้าดีจิง แนะนำคับ ภาพประกอบซักหน่อย จะทำให้น่าอ่านยิ่งขึ้นเด้อค้าเด้อ.............

ohmohm 11-01-2013 11:50

เดียวผมแต่งให้เองครับถ้างั้น อ่านแล้วโดนใจผมจิ๊ดเลยหวะครับอันนี้5555555

M150 11-01-2013 13:24

อ้างอิง:

ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ ohmohm (??? 16642)
เดียวผมแต่งให้เองครับถ้างั้น อ่านแล้วโดนใจผมจิ๊ดเลยหวะครับอันนี้ 5555555

ดียังไงก็ไม่เทพเท่ากับของน้าเดลครับ หากใครชอบแนวนี้แนะนำอ่าน หนังสือเรื่อง วิธีชนะทุกข์และสร้างสุข ของ Dale Carnegie เทพจริง ใครอ่านแล้วบอกว่าไม่เทพ ให้มาตื๊บผมได้เลย นอกจากนั้นยังมีหนังสือเกี่ยวกับการทำงานอีกด้วยนะเนี่ย

ohmohm 11-01-2013 14:22

อ้างอิง:

ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ M150 (??? 16645)
ดียังไงก็ไม่เทพเท่ากับของน้าเดลครับ หากใครชอบแนวนี้แนะนำอ่าน หนังสือเรื่อง วิธีชนะทุกข์และสร้างสุข ของ Dale Carnegie เทพจริง ใครอ่านแล้วบอกว่าไม่เทพ ให้มาตื๊บผมได้เลย นอกจากนั้นยังมีหนังสือเกี่ยวกับการทำงานอีกด้วยนะเนี่ย

มันก็จริงอยู่ครับน้าเดลนั้น เขาระดับโลกแล้วท่านเอ็ม ใครอ่านก็รู้สึกถึงคุณค่าของการใช้ชีวิตกันทั้งนั้น
พอพูดถึงแล้วน่ากลับไปอ่านอีกรอบเหมือนกัน ตั้งแต่ปีใหม่ยังไม่ได้กลับไปอ่านแล้วครับผม

ปล.คิดถึงน้าเดล


:undecided:

Death13th 11-01-2013 15:31

แหกคุกเลยดีกว่า อ๊าาาาา

nineorange 11-01-2013 16:46

ขอบคุณครับ ผมก็เป็นน้องเฟรชชี่ปี1เองอิอิ อ่านบทความแปปนี่ชอบครับ


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 16:01

vBulletin รุ่น 3.8.7
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2024, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด


1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22 23 24 25 26 27 28 29 30 31 32 33 34 35 36 37 38 39 40 41 42 43 44 45 46 47 48 49 50 51 52 53 54 55 56 57 58 59 60 61 62 63 64 65 66 67 68 69 70 71 72 73 74 75 76 77 78 79 80 81 82 83 84 85 86 87 88 89 90 91 92 93 94 95 96 97 98 99 100 101 102